วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2557

บทเรียนออนไลน์ วรรณคดีไทย เรื่อง แก้วหน้าม้า

                           
                            วรรณคดีไทย เรื่อง แก้วหน้าม้า  





ณ เมืองมิถิลา ท้าวภูวดลกับพระนางนันทาครองเมืองมีโอรสชื่อ พระปิ่นทอง ที่ดื้อมากจนพี่เลี้ยงต่างพากันเอือมระอา
ท้าวภูวดลกับมเหสีหนักใจมากกับโอรสจอมซน พระปิ่นทองมาขอออกไปเล่นว่าวนอกวังและรับปากว่าจะไม่ทำเรื่องเดือดร้อนอีก ท้าวภูวดลจึงให้ไปพร้อมทั้งให้ทหารตามเสด็จมากมาย พระปิ่นออกไปเล่นว่าวนอกวังใกล้ๆกับหมู่บ้านแก้ว ขณะที่แก้วออกไปช่วยแม่เลี้ยงม้า เทวดาเห็นว่าพระปิ่นทองกับแก้วเป็นเนื้อคู่ จึงหาทางให้ทั้งสองได้พบกัน ขณะที่พระปิ่นทองกำลังเล่นว่าว เทวดาก็เนรมิตลมตีว่าวพัดหลุดลอยออกไป
พระปิ่นทองรีบวิ่งตามว่าวที่ลอยออกไป ว่าวตกลงมาบริเวณที่แก้วเลี้ยงม้า แก้วจึงเก็บไว้ พระปิ่นทองเข้ามาขอว่าวคืนพร้อมทั้งพุดจาดูถูกแก้วที่ริอ่านมาเก็บว่าวของตน แก้วเลยไม่ยอมให้ พระปิ่นทองให้ทหารวิ่งตามว่าคืนมาจากแก้ว แก้วรีบนำว่าววิ่งหนีไป พวกทหารตามไป 2-3 คน คือนายสุขกับนายตุ่ย (ใช้กำลังโวยวาย)
พวกม้าเห็นท่าไม่ดีเลยช่วยแก้วเอาไว้ให้หนีพวกทหารได้ ทุกคนสะบักสะบอม พระปิ่นทองเห็นท่าไม่ดีจึงนึกอุบายขึ้นมาได้ พระปิ่นทองของเจรจากับแก้ว ว่าจะให้แก้วแหวนเงินทองแต่แก้วไม่สนใจ พระปิ่นทองเลยโกหกว่าให้ว่าวจะรับเป็นมเหสี แก้วดีใจมากรีบคืนว่าวไป
ปิ่นทองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ บอกกับทหารคนสนิทว่าหลอกเล่น แก้วกลับมาบ้าน บอกแม่ว่าจะไปเป็นมเหสี พ่อแม่ไม่มีใครเชื่อ แก้วนั่งฝันว่าจะได้เข้าไปเป็นมเหสีในวัง องค์รักษ์แอบมารายงานว่าพระปิ่นทองสัญญาอะไรเอาไว้ ท้าวภูวดลให้นายสุขเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเพราะกลัวว่าพระนางนันทาจะรู้และ จะต้องรักษาสัญญา 
แก้วรอให้พระปิ่นทองมารับเป็นมเหสี แต่ก็ไม่มาจนผ่ายผอม พ่อกับแม่เริ่มเชื่อ เลยสอบถามชาวบ้านได้ความว่าพระปิ่นทองพูดจริง นางนิ่มกับนายมั่นตัดสินใจพาแก้วเข้าวังเพื่อทวงสัญญา สามแม่ลูกจึงได้เข้ามาอยู่ในวัง ท้าวภูวดลทราบเรื่องจึงกริ้วมาก สั่งประหารสามแม่ลูก
พระนางนันทามาพอดีจึงสอบถามเรื่องราวจนทราบเรื่องและ บอกให้ท้าวภูวดลรักษาสัญญาถ้าพระปิ่นทองพูดจริงต้องรักษาสัญญา พระปิ่นทองบอกว่าพูดเล่นไม่สนใจ ท้าวภูวดลรู้เข้าจึงต้องยอมรักษาสัญญา พระปิ่นทองตกใจมาก จำต้องรักษาสัญญาด้วยการไปรับแก้วเข้าวัง แก้วเล่นตัวไม่ยอมเข้าวัง ถ้าไม่มีวอมารับ 
พระปิ่นทองจำต้องส่งวอมารับ แก้วนั่งวอเข้าวังด้วยความยินดีของชาวบ้าน พิธีอภิเษกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ พระปิ่นทองอับอายมาก พระนางนันทาเห็นแก้วก็รู้สึกเอ็นดู จัดห้องหับให้แก้ว พระปิ่นทองทำท่ารังเกียจไม่ยอมออกมาพบกับแก้ว ทำให้แก้วไม่พอใจมาก

แก้วจึงต้องบุกเข้าไปหาพระปิ่นทองเอง สร้างความชุลมุนวุ่นวายทั่งทั้งวัง พระปิ่นทองต้องสั่งให้มีเวรยามเฝ้าไม่ให้แก้วหน้าม้าออกมาอาละอาด ท้าวภูวดลรู้เข้าก็อับอาย จึงคิดอุบายหาทางกลั่นแกล้งแก้ว 
ท้าวภูวดลหาทางแกล้งแก้วด้วยการให้ไปยกเขาพระสุเมรุให้ได้ภายในเจ็ดวัน ถ้ายกไม่ได้จะถูกประหาร แก้วตกใจมาก แก้วออกเดินทางไป ตามหาเขาพระสุเมรุ แก้วเข้าไปในป่าแล้วอธิษฐานว่าตนเป็น เนื้อคู่พระปิ่นทองขอให้พบเขาพระสุเมรุ แก้วเดินทางไปเจอสัตว์ร้ายในป่าที่จ้องจะมาทำร้าย 
ก่อนที่แก้วจะถูกทำร้าย ฤาษีมาพบเข้าและช่วยไว้ พระฤาษีเมื่อได้ทราบเรื่องราวจึงช่วยถอดหน้าม้าให้กลายเป็นสาวสวย พร้อมเสกเรือเหาะและมีดอีโต้วิเศษให้เป็นอาวุธ นางแก้วกราบลาพระฤาษีพร้อมสวมหน้าม้าดังเดิม นั่งเรือเหาะไปจนเจอ เขาพระสุเมรุ
แก้วกำลังจะไปยกเขาพระสุเมรุ ก็พบยักษ์เฝ้าอยู่ ยักษ์บอกว่าแก้วต้องแก้ปริศนาให้ได้ก่อน จึงจะตัดขาไปได้ พร้อมกับให้ปริศนาสามข้อ แก้วคิดปริศนาไม่ออก เลยฉวยโอกาสยักษ์เผลอ ตัดเขาเหาะหนีไปเลย
แก้วเหาะแบกเขามาจนถึงเมืองมิถิลา ชาวบ้านพากันแตกตื่น เมื่อเห้นเขาลอยมาทั้งลูก ท้าวภูวดลมั่นใจว่าแก้วต้องถูกประหารแน่ๆ แต่แก้วก็ต้องผิดหวังเมื่อแก้วยกเขามาได้ ท้าวภูวดลแค้นใจ จึงหาทางเลี่ยงสัญญาด้วยการให้พระปิ่นทองหนีออกประภาสต่างเมือง และหาทางกลั่นแกล้งแก้วอีก 
ก่อนออกเดินทางพระปิ่นทองสั่งนางแก้วว่าถ้ากลับมานางยังไม่มีลูกจะต้อง ถูกปรหาร แก้วคิดหาวิธีมีลูกกับพระปิ่นทอง แก้วคิดอะไรได้ นางแก้วจึงนั่งเรือเหาะไปดักรอพระปิ่นทองระหว่างทางพร้อมทั้งถอดหน้าม้าออก พระปิ่นทองได้เจอแก้วที่ถอดรูปแล้ว ถึงกับตะลึงงัน
พระปิ่นทองได้เห็นงานแก้วจึงนึกรัก สั่งให้ทหารตามมาพบ พระปิ่นทองขอแก้วเป็นชายา แก้วถามถึงมเหสีพระปิ่นทองบอกว่ามีหน้าเป็นม้า น่าเกลียด แก้วรู้สึกไม่พอใจ จึงหาทางกลั่นแกล้งพระปิ่นทองจนพอใจ แก้วยอมอยู่กินกับพระปิ่นทองแก้วเริ่มตั้งครรภ์ พระปิ่นทองขอให้แก้วกลับไปอยู่ในวังด้วยกัน แก้วหาข้ออ้างไม่ไป พระปิ่ทองจึงให้แหวนไว้ เพื่อมอบให้ลูกที่กำลังจะเกิดขึ้นมาเพื่อเป็นหลักฐานว่าเป็นลูกตน พระปิ่นทองกลับเมือง แก้วรีบตามไปดักหน้า แก้วมาถึงวังก่อนพระปิ่นทอง รีบเตรียมตัวต้อนรับพระปิ่นทองกลับมา นางแก้วแกล้งถามว่าไปเจอสาวที่ไหนมาหรือเปล่า พระปิ่นทองรีบโกหกว่าไม่เจอใคร พร้อมทวงสัญญาว่าแก้วจะต้องตั้งครรภ์ แก้วรีบแสดงตัวว่าตั้งครรภ์ สร้างความดีใจให้กับพระนางนันทา พระปิ่นทองไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป จึงคิดหนีไปต่างเมืองโดยไม่ยอมให้แก้วไปด้วย 

พระปิ่นทองถูกพวกยักษ์เล่นงานจับตัวเอาไว้ ฝ่ายนางแก้วได้คลอดลูกออกมาเป็นชาย นางแก้วคิดจะไปหาพระปิ่นทองจึงได้ฝากลูกไว้กับฤาษีระหว่างทางที่ผ่าน ฤาษีตั้งชื่อให้เด็กว่า "พระปิ่นแก้ว" พระปิ่นทองหายไป สร้างความเป็นห่วงให้ท้าวภูวดลและมเหสีเป็นอันมาก แก้วรู้เข้ารู้สึกเป็นห่วง แก้วไปถามฤาษี ฤาษีทราบด้วยญาณว่า พระปิ่นทองตกอยู่ในอันตรายจึงบอกนางแก้ว นางแก้วจึงนั่งเรือเหาะไปช่วยพระปิ่นทอง โดยไม่ให้พระองค์รู้ แก้วจึงแปลงตัวเป็นชาย พระปิ่นทองถูกจับตัวไปให้ท้าวพาลราชกิน แต่แก้วได้แปลงตัวเป็นชายเข้ามาช่วยแก้วต่อสู้กับท้าวพาลราช แก้วฆ่าท้าวพาลราชตาย พวกยักษ์ที่เหลือต่างพากันยอมสยบ
แก้วบอกให้พวกยักษ์ยกให้พระปิ่นทองครองเมืองแทนมิฉะนั้นจะพังเมือง พวกยักษ์หลงเชื่อจนยอมตาม พระปิ่นทองทำท่าจะสนใจลูกสาวยักษ์สองคนคือ เจ้าหญิงสร้อยสุวรรณและเจ้าหญิงจันทร แก้วรู้เข้าจึงรีบไปตีสนิท และพาไปหาฤาษี แก้วพาสองเจ้าหญิงมาหาฤาษีและบอกเรื่องราวที่แท้จริงว่าตนเป็นใคร
     เจ้าหญิงทั้งสองได้รู้เรื่องราวของแก้ว และสัญญาจะเก็บเป็นความลับ ก่อนที่จะกลับไปสู่เมืองยักษ์ แก้วพาสองธิดากลับมายกให้พระปิ่นทอง พระปิ่นทองเริ่มคิดถึงบ้าน จึงชวนสองธิดายักษ์กลับเมืองมิถิลา แก้วรู้เข้ารีบสวมหน้าม้าขึ้นเรือเหาะไปดักหน้า
แก้วมารอพระปิ่นทองพร้อมกับอุ้มลูกที่ฤาษีตั้งชื่อไว้ว่าพระปิ่นแก้ว พระปิ่นทองหาว่าแก้วหลอกว่าเป็นลูกตนแต่เมื่อเห็นแหวนที่ตนให้ไว้ก็พูดไม่ออก กล่าวถึงท้าวกายมาต ที่เป็นญาติกับท้าวพาลราชที่ถูกแห้วสังหาร เมื่อทราบเรื่องก็เกิดความแค้นยกไพร่พลยักษ์มาล้อมเมืองมิถิลา
พระปิ่นทองทำอะไรไม่ถูก คิดแต่ว่าจะต้องเสียเมืองให้ยักษ์แน่นอน ธิดายักษ์ทั้งสองกลัวว่าพระปิ่นทองจะพ่ายแพ้แก่ยักษ์ จึงบอกความจริงว่าแก้วคือใคร พระปิ่นทองไปงอนง้อให้แก้วมาช่วย แต่แก้วไม่ยอม
พวกยักษ์เริ่มบุกเมือง แก้วเป็นห่วงบ้านเมืองและพระนางนันทา จึงได้แปลงกายเป็นชายออกสู้กับยักษ์ทันที แก้วสู้กับท้าวกายมาต แต่อีโต้วิเศษทำอะไรไม่ได้ แก้วกำลังจะเสียทีท้าวกายมาต
แก้วเหาะข้ามหัวทำให้มนต์ยักษ์เสื่อม และฆ่าท้าวกายมาตได้สำเร็จ ท่ามกลางความยินดีของชาวมิถิลา พระปิ่นทองเริ่มสงสัยว่า ชายหนุ่มที่มาช่วยต้องเป็นแก้วแน่ๆ
พระปิ่นทองตามไปงอนง้อนางแก้ว แต่แก้วก็ยังเล่นตัว จนพระปิ่นทองทำท่าจะเชือดคอตายแก้วจึงยอมถอดหน้าม้า สร้างยินดีให้กับทุกคน พิธีอภิเษกสมรสจัดขึ้นอย่างเอิกเกริก ไม่นานแก้วก็ตั้งครรภ์ ท้าวประกายกรดรู้ข่าวท้าวประกายมาตถูกฆ่าตายก็แค้น คิดจะบุกเมืองมิถิลา

ท้าวประกายกรดบุกเมืองมิถิลา ประชาชนแตกตื่นกันทั่ว พระปิ่นแก้วยกทัพไปสู้กับพวกยักษ์แต่สู้ไม่ได้ ต้องถอยร่น แก้วจำต้องออกไปสู้กับยักษ์ ทั้งๆที่ตั้งครรภ์ แก้วที่ท้องแก่สู้กับท้าวประกายกรด ถูกท้าวประกายกรดถีบ แก้วเจ็บท้อง คลอดพระธิดาออกมา 3 องค์ ท้าวประกายกรดตกใจมากที่รู้ว่าแก้วเป็นหญิง
แก้วใช้ผ้าเปื้อนเลือดฟาดเข้าใส่ ทำให้มนต์ยักษ์เสื่อม ท้าวประกายกรดถูกฆ่าตาย เมืองมิถิลากลับสู่ความสงบตั้งแต่นั้นมา 


วรรณคดีไทย เรื่องปลาบู่ทอง

                              วรรณคดีไทย เรื่องปลาบู่ทอง






นานมาแล้ว มีชายหาปลาคนหนึ่งชื่อว่า “ ทารก ”(ทาระกะ) เขามีภรรยาสองคน คนแรกชื่อว่า “ ขนิษฐา ” คนที่สองชื่อว่า “ ขนิษฐี ” นางกนิษฐามีลูกสาวคนเดียวชื่อว่า “ เอื้อย ” ในขณะที่นางกนิษฐีมีลูกสาวสองคน คนแรกชื่อ “ อ้าย ” กับ “ อี่ ”
ชายหาปลาไม่ชอบภรรยาหลวงและลูกสาวของนาง จึงมักจะดุค่าและบังคับให้ทำงานหนักทุกวันในขณะที่นางกนิษฐีผู้เป็นภรรยาน้อยกับลูกสาวสองคนใช้ชีวิตอยู่อย่างสบายเพราะไม่ต้องทำงานหนักเหมือนอย่าง แม่ลูกคู่นั้น อย่างไรก็ตามทั้งนางกนิษฐีและลูก ๆ ของนางก็ยังเกลียดนางกนิษฐาและเอื้อยอีกซ้ำยังอิจฉาริษยา และหาทางกลั่นแกล้งสองแม่ลูกอยู่ตลอดเวลา  
          ทุก ๆ เช้า ชายหาปลาจะออกไปทอดแหหาปลาในแม่น้ำและจะมีภรรยาสองคนผลัดกันเป็นคนพายเรือ ให้คนละวันหลังจากได้ปลามากพอในแต่ละวันแล้วก็จะนำไปขายที่ตลาดก่อนกลับบ้าน
          อยู่มาวันหนึ่ง นางกนิษฐาทำหน้าที่เป็นคนพายเรือให้สามีในขณะหาปลา แต่ว่าไม่ได้ปลาสักตัวเดียวนอกจากปลาบู่ทองตัวหนึ่งเท่านั้น ตลอดทั้งวันชายหาปลาทอดแหแล้วทอดอีกก็ได้แต่ปลาบู่ทองตัวเดิมมาทุกทีเขาปล่อยมันลงไปในน้ำแต่ไม่นานมันก็ติดแหขึ้นมาอีก เขาโมโหมาก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี และทุกครั้งที่เขา ได้ปลาบู่ขึ้นมาภรรยาของเขาก็จะขอเขาไว้เพื่อเก็บไว้ให้ลูกของตนเลี้ยงเล่นแต่เขาจะโยนมันทิ้งไปโดยไม่แยแส คำขอร้องของภรรยาตนแต่ในที่สุดก็เกิดบันดาลโทสะอย่างแรงจนถึงขั้นตบดีนางและผลักนางลงน้ำไป ภรรยา ของเขาจึงจมน้ำตายเพราะว่ายน้ำไม่เป็น
           ด้วยเหตุนี้ชายหาปลาจึงกลับบ้านเพียงลำพัง และพบเอื้อยกำลังรอแม่ของตนกลับมาอยู่ และเมื่อลูก สาวถามหาแม่เขาก็ปฏิเสธที่จะพูดอะไรออกไปเมื่อลูกสาวคะยั้นคะยออยู่ตลอดเวลาเขาจึงบอกว่าแม่ของนางไป อยู่ใต้น้ำและจะกลับมาในอีก 3 วัน และบอกให้ลูกสาวหยุดร้องไห้มิฉะนั้นแล้วแม่ของนางจะไม่กลับมาอีกเลย และถึงแม้ว่าเด็กสาวจะไม่เข้าใจว่าบิดาของตนพูดอะไร แต่ก็นึกเอาว่ามารดาของตนต้องประสบอันตรายอย่าง แน่นอน ดังนั้นนางจึงร้องไห้โฮออกมา ฝ่ายชายหาปลาเกรงว่าข่าวการหายไปของภรรยาตนจะแพร่หลาย จึงบังคับให้ลูกสาวหยุดร้องไห้ในทันทีและเริ่มทุบตีนาง เพื่อนบ้านเข้ามาขัดขวางและถามถึงภรรยาหลวงของเขา ชายหาปลาก็พูดโกหกไปว่าหนีตามชู้ไปแต่ก็ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขา เพราะทุกคนรู้ว่าชายหาปลาผู้นี้เกลียดภรรยาหลวงและรักภรรยาน้อยมากกว่า แต่ก็ไม่อาจจะช่วยอะไรได้มาก ได้แต่เพียงช่วยปลอบใจเอื้อยเท่านั้น
         รุ่งเช้าพ่อกับแม่เลี้ยงบอกให้นางทำงานบ้าน แต่นางยังเจ็บแผลที่ถูกเฆี่ยนตีอยู่จึงขอหยุดพักแต่ทั้งคู่ ไม่ยอมฟังนาง ตรงกันข้ามกับลูกสาวทั้งสองคนของแม่เลี้ยง ที่ไม่ต้องทำอะไรเลย พวกเขาเพียงแต่กินและ เล่นเท่านั้นเอง
          หลังจากจมน้ำตาย นางกนิษฐาก็ไปเกิดเป็นปลาบู่ทอง ว่ายน้ำมาที่ท่าน้ำหน้าบ้านและรอเอื้อยด้วย ความรัก ปลาบู่ทองเล่าเรื่องทั้งหมดให้เอื้อยฟัง นางสงสารผู้เป็นแม่มาก นางจะนำอาหารมาให้ปลาผู้เป็น มารดาและพูดคุยกันเพื่อจะได้ลืมความทุกข์โศกทั้งปวง 
          แต่ไม่นานนัก อ้ายก็รู้เรื่องเข้าจึงไปบอกให้แม่ตนเองทราบและแล้วผู้เป็นแม่ก็วางแผนฆ่าปลาบู่ทอง เสีย ในขณะที่เอื้อยได้รับคำสั่งให้ไปเลี้ยงวัวในทุ่งนา ปลาบู่ทองก็ถูกล่อไปฆ่ากินเป็นอาหาร ผู้เป็นแม่เลี้ยง ให้หมาและแมวกินก้างปลาบู่ทองหมดและโยนเกล็ดทิ้งไป ด้วยความสงสารเอื้อยจึงไปถามหมาและแมวซึ่ง ทั้งสองก็ปฏิเสธที่จะบอกความจริง เป็ดเข้ามาปลอบเอื้อยและมอบเกล็ดปลาบู่ทองให้นาง เอื้อยเสียใจมากที่ ได้รู้เรื่อง ดั้งนั้นนางจึงฝังเกล็ดปลาบู่ทองไว้ในป่า และตั้งอธิฐานขอให้แม่มาเกิดเป็นต้นมะเขือเปราะ
          ด้วยพรของเทวดาในทันใดนั้นก็เกิดต้นมะเขือเปราะงอกงามขึ้น นับแต่นั้นมาเอื้อยผู้มีความสุขก็จะมากราบไหว้ และพูดคุยกับต้นมะเขือเปราะทุกวัน  แต่โชคร้าย อ้ายก็แอบมาเห็นอีจึงไปบอกแม่ของตน ผู้เป็นแม่จึงสั่งให้นางถอนต้นมะเขือเปราะทิ้ง แล้วนำผลมาทานทันที หลังจากกินแล้วก็โยนเม็ดมะเขือเปราะทิ้งไป เป็ดก็เก็บเม็ดมะเขือไว้ให้เอื้อยอีกเอื้อยเสียใจอย่างสุดซึ้ง นางจึงนำเม็ดมะเขือไปปลูกไว้ในป่าแล้วอธิฐาน ขอให้แม่เกิดเป็นต้นโพธิ์ เพื่อที่นางจะได้ กราบไหว้บูชา และด้วยพรของเทวดาต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองก็งอกงามขึ้นในบัดดล
          ในกาลต่อมา พระเจ้าพรหมทัตเสด็จมาทรงเห็นต้นโพธิ์ก็ทรงอยากได้ไปปลูกในวังจึงให้ถามหาเจ้า ของ และเมื่อได้รับการกราบทูลให้ทรงทราบพระองค์ก็ทรงประสงค์ที่จะพบเอื้อย และเอื้อยก็ได้กราบทูลเรื่องราวทั้งหมดให้ทรงทราบ ด้วยความสงสารในตัวนาง พระองค์จึงตัดสินพระทัยที่จะอธิเษกสมรสกับเอื้อยและตั้งให้เป็นพระราชีนี และพระเจ้าพรหมทัตทรงถอนต้นโพธิ์ไม่ขึ้น แม้จะมีไพร่พลช่วยก็ตาม จึงทรงรับสั่งให้เอื้อยถอน มาให้พระองค์และเมื่อเอื้อยขออนุญาตมารดาของตน ก็สามารถถอนต้นโพธิ์ขึ้นได้โดยง่าย พระเจ้าพรหมทัต ทรงแปลกพระทัย และทรงดำริว่าเอื้อยมีบุญบารมีสมเป็นพระชาชินี จึงพาไปอยู่ในวังและทรงตั้งให้เป็น พระชาชินีของพระองค์
           ในขณะเดียวกัน แม่เลี้ยงและลูกสาวทั้งสองของนางก็เกิดความอิจฉาริษยาอย่างมากที่ได้รู้ข่าวว่า เอื้อยตอนนี้ได้กลายเป็นพระราชินีไปแล้ว จึงไปหายายเฒ่าผู้หนึ่งซึ่งก็ออกอุบายให้ส่งข่าวไปบอกราชินีเอื้อย ว่าบิดาของนางเจ็บหนักใกล้จะตายแล้ว ทันทีที่ได้รับข่าวราชินีเอื้อยผู้กตัญญูก็รีบกลับมาเยี่ยมบิดาที่บ้าน แต่ก่อนที่จะเข้าบ้าน ผู้เป็นแม่เลี้ยงบอกให้นางถอดเครื่องทรงราชินีออกแล้วให้ไปอาบน้ำก่อนจึงค่อยไปพบบิดา ในขณะเดินเข้าไปในห้องด้านใน พระราชินีผู้น่าสงสารก็ตกลงไปในกระทะน้ำเดือดที่นางแม่เลี้ยงจอมริษยา ซ่อนไว้เบื้องล่าง ยังผลให้พระราชินีสิ้นพระชนม์ในทันที จากนั้นอ้ายก็รีบแต่งเครื่องทรงพระราชินีและกลับ วังโดยปลอมเป็นเอื้อย นางเข้าไปพบพระราชาผู้ซึ่งแสดงอาการไม่ค่อยจะเชื่อว่าเป็นเอื้อย แต่อ้ายก็ใช้คาถา ที่ยายเฒ่าให้มาเสกให้พระราชาอยู่ใต้อำนาจของตน แม้กระนั้นพระราชาก็ยังคงสงสัยอยู่ดีว่าทำไมต้นโพธิ์ จึงดูเหี่ยวเฉาไม่มีชีวิตชีวา 
          หลังจากถูกฆาตกรรมแล้วราชินีเอื้อยก็ไปเกิดเป็นนกแขกเต้า ด้วยความรักและห่วงใยในพระราชา จึงบินมาหาพระองค์และกราบทูลให้พระองค์ทราบเรื่องราวทั้งหมด หลังจากสัตว์ผู้น่าสงสารกราบทูลเรื่อง ราวให้ทรงทราบ พระองค์ก็ทรงเลี้ยงดูนกแขกเต้าไว้ในกรงทอง และทรงพูดคุยด้วยเสมอ และแล้ววันหนึ่ง ราชินีปลอมอ้ายก็แอบมารู้จนได้ ดังนั้นในขณะที่พระราชาเสด็จออกป้าเพื่อคล้องช้างเผือกมาสู่บารมี ราชินี ปลอมก็จับนกแขกเต้าผู้น่าสงสารถอนขนจนหมดแล้วส่งไปให้แม่ครัวแกง นกแขกเต้าแกล้งทำเป็นนอนตาย แม่ครัวเลยไม่สนใจปล่อยมันไว้ในครัวรอเวลาที่จะทำแกงนกถวายพระราชินีในตอนเย็น
           เจ้านกแขกเต้าผู้ปราศจากขนและทุกข์ทรมาน จึงสบโอกาสหนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในโพรงหนู เมื่อ หานกที่นอนตายอยู่ไม่พบและกลัวจะมีความผิด แม่ครัวจึงไปหาซื้อนกอื่นมาแกงถวาย พระราชินีแทน ฝ่าย แม่ครัวได้รับรางวัลตอบแทนเป็นผ้าสะไบ
          เจ้านกแขกเต้าผู้น่าสงสารอาศัยอยู่หนู จนกระทั่งขนขึ้นเต็มตัวก็บอกลาหนู ซึ่งก็อาสาพาไปส่งถึงชายป่าในขณะท่องเที่ยวไปในป่าอยู่ตามลำพังก็เกือบจะถูกงูกินไปแล้ว โชคดีที่นกใหญ่มาจับงูกินเสียก่อน และแล้วนกแขกเต้าก็มาพบพระฤๅษีผู้ซึ่งเกิดความสงสารก็เลยช่วยชุบนกแขกเต้าให้กลายเป็นหญิงสาวสวย พระฤๅษีก็เลี้ยงดู เอื้อยอย่างลูกสาวของตน แต่ก็สังเกตเห็นว่าลูกบุญธรรมของตนดูจะเหงาหงอยอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นท่านจึงวาดรูปขึ้นหลาย ๆ รูปแล้วให้เอื้อยเลือกเอารูปเดียว หลังจาเลือกแล้วท่านก็จะเสกให้เป็นคน เอื้อยจึงเอารูปเด็กชายมอบให้ฤๅษีใช้คาถาเสกให้เป็นคนเพื่อที่นางจะได้เลี้ยงดูเป็นบุตรชาย ท่านฤๅษีจึงตั้งชื่อเด็กชายนั้นว่า “ ลบ ” 
          ผ่าน ไปหลายปี เจ้าลบเกิดความสงสัยว่าพ่อเป็นใคร เอื้อยจึงเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง ทำให้ลบร้องขอที่จะเข้าไปในวังเพื่อกราบทูลพระเจ้าพรหมทัตให้ทรงทราบความ จริง เอื้อยได้ร้อยพวงมาลัยฝากไปถวายพระเจ้าพรหมทัตด้วย ลบเดินทางมาถึงพระราชวัง ก็พยายามหาทางจนได้โอกาสเข้าเฝ้าพระเจ้าพรหมทัตและถวายพวงมาลัย พระเจ้าพรหมทัตเห็นฝีมือร้อยมาลัยก็จดจำได้ว่าเป็นฝีมือของเอื้อย ลบจึงกราบทูลเรื่องราวของเอื้อยถวาย พระเจ้าพรหมทัตดีพระทัยที่เอื้อยยังมีชีวิตอยู่ จึงเสด็จไปรับเอื้อยกลับคืนสู่พระราชวัง
          เมื่ออ้ายทราบว่าเอื้อยได้กลับมาที่พระราชวังแล้วอ้ายกลัวความผิดจึงชิงดืมยาพิษฆ่าตัวตายไปก่อน ส่วนขนิษฐีและอี่  ก็ถูก พระเจ้าพรหมทัต ลงโทษด้วยการขับออกนอกวังกลับบ้านไป และให้ถือศีลบำเพ็ญความดีตลอดชีวิต เอื้อยและต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองก็มีชีวิตที่สงบสุข นับจากนั้นเป็นต้นมา